ประเทศไทยของเรา มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ทะเล ป่าไม้ โดยเมื่อไม่นานมานี้ มันมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหนึ่งอย่าง ที่เป็นไวรัลมาก ๆ ในโลกโซเชียล นั่นคือหินธรรมชาติ ที่เกิดจากการทับถมของสิ่งต่าง ๆ และกลายมาเป็นรูปร่าง ตามความสันนิษฐานของแต่ละคน ดังนั้น บทความของเรา ในวันนี้เลยขอนำเสนอ 4 ที่เที่ยวชมหิน แลนด์มาร์คสุดเจ๋งที่สร้างจากธรรมชาติ ส่วนจะมีที่ไหนบ้าง ตามไปดูพร้อมกันได้เลย
4 ที่เที่ยวชมหิน แลนด์มาร์คสุดเจ๋งที่สร้างจากธรรมชาติ

1. ผ่าช่อ จังหวัดเชียงใหม่
สถานที่ท่องเที่ยวหินที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติแบบแรก ที่แนะนำว่าต้องเดินทางไปสัมผัสความอลังการด้วยตัวเองสักครั้ง คือผ่าช่อ จังหวัดเชียงใหม่ ว่ากันว่านี่เป็นดินแดนแห่งหน้าผาหินในช่วง 5 ล้านปีก่อน มีลักษณะเป็นหน้าผาหินตกตะกอน สูงประมาณ 30 เมตร กว้างราว ๆ 100 เมตร ที่ตัวหน้าผามีลวดลายลักษณะที่สวยงามแปลกตา มีริ้วลายของหินคล้ายกับผ้าม่าน สันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นแม่น้ำปิงมาก่อน
ต่อมาธรณีแปรสัณฐาน และได้ดันชั้นตะกอนบริเวณขอบแอ่งของแม่น้ำ ซึ่งเป็นตะกอนในยุคเทอร์เชียร์ มีอายุประมาณ 5 ล้านปี ขึ้นมา เมื่อโดนทั้งลม ฝน ฯลฯ กัดเซาะจึงกลายเป็นลวดลายที่สวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยการกัดเซาะจนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งคนไทยของเราห้ามพลาดเด็ดขาด

2. คลองหินดำ จังหวัดชุมพร
จุดชมหินธรรมชาติ ที่สวยงามติดอันดับประเทศแห่งต่อมา ขอยกให้ คลองหินดำ จังหวัดชุมพรเลยค่ะ โดยจะบอกว่านี่เป็นแกรนด์แคนยอนย่อม ๆ ในประเทศไทยอีกแห่งเลยก็ว่าได้ มีลักษณะเป็นแนวกำแพงหินทั้งสองข้างที่เกิดจากการกัดเซาะของลำธารมายาวนาน จนเกิดเป็นลำธารที่มีความกว้างประมาณ 5-10 เมตร ไหลผ่านรอยแยกของหิน ในลักษณะลัดเลาะคดเคี้ยวไป-มา ระยะทางยาวมากกว่า 1 กิโลเมตร และมีแก่งหินสูงมากกว่า 3-5 เมตร โดยรอบมีต้นไม้หายากน้อยใหญ่ตั้งอยู่มากมาย บรรยากาศร่มรื่น ซึ่งในช่วงฤดูน้ำลดสามารถลงเล่นน้ำได้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมล่องห่วงยางให้ได้สนุกสนาน ถือเป็นการเที่ยวแนวผจญภัยเล็ก ๆ อีกด้วย

3. เกาะหินงาม จังหวัดสตูล
พาเที่ยวหินแบบธรรมชาติบนภูเขามาเยอะแล้ว คราวนี้ไปดูหินที่เกิดจากธรรมชาติริมน้ำทะเลกันบ้าง โดยครั้งนี้จะพาลงใต้ไปที่จังหวัดสตูล เกาะหินงามเป็นเกาะเล็ก ๆ ในทะเลอันดามัน ตั้งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอาดัง ไกลออกไปประมาณ 2.5 กิโลเมตร ความโดดเด่น คือ ชายหาดที่ทรายถูกแทนที่ด้วยก้อนหินสีดำเงางามสุดลูกหูลูกตา ก้อนหินกลมเกลี้ยงเนียนเรียบ ลวดลายสวยงาม ขนาดเล็ก-ใหญ่แตกต่างกันไป
โดยหินเหล่านี้ทับถมกันจนเกิดเป็นเกาะเล็ก ๆ ไม่มีหาดทราย รอบ ๆ เป็นน้ำทะเลสีฟ้าใส งดงามเกินบรรยาย เล่ากันว่าหินทุกก้อนมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา หากใครนำติดตัวไปจะเกิดแต่หายนะ แต่อีกนัยหนึ่งคือมาตรการการป้องกันทรัพยากรทางจิตใจได้เป็นอย่างดีด้วย

4. หินสามวาฬ (ภูสิงห์) จังหวัดบึงกาฬ
ปิดท้ายกันที่ภาคอีสานของประเทศไทย ช่วงก่อนปีใหม่ที่ผ่านมา คงไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวไหน เป็นไวรัลไปมากกว่า หินสามวาฬ (ภูสิงห์) จังหวัดบึงกาฬอีกแล้ว โดยนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen ที่นักท่องเที่ยวใฝ่ฝันอยากจะไปเที่ยวสักครั้ง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน มีอายุประมาณ 75 ล้านปี หนึ่งเดียวของโลก
เมื่อมองดูจากระยะไกล หิน 3 ก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ ที่ประกอบด้วย พ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ ซึ่งเรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน ตัวหินมีสีน้ำตาลแดงเข้ม พร้อมกับมีจุดสีขาว ๆ อยู่โดยรอบ ทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในภูสิงห์ มองเห็นผืนป่า ทัศนียภาพของป่าภูวัว ห้วยบังบาตร แก่งสะดอก หาดทรายแม่น้ำโขงและภูเขาเมืองปากกระดิง ประเทศลาวอีกด้วย
ใครที่ชอบท่องเที่ยวสถานที่ทางธรรมชาติ บอกเลยว่าห้ามพลาดทั้ง 4 สถานที่ที่เราแนะนำไปเด็ดขาด เพราะแต่ละที่นั้นสวยแบบ Unseen สุด ๆ เลยค่ะ อ่านเพิ่มเติม คาเฟ่สุดชิคย่านอารีย์